
ชีวิตวัยทำงานทุกวันนี้ ต้องสู้กับความรู้สึกปวดเมื่อยหลังจากนั่งทำงานทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง คอ ไหล่ ตลอดจนอาการชาที่มือ แต่ไม่เลือกที่จะรักษาออฟฟิศซินโดรม เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงหายไปเอง แต่สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความปวดเมื่อยทั่ว ๆ ไป กลับอาจเป็นสัญญาณของหนึ่งในปัญหาสุขภาพยอดฮิตของคนวัยทำงาน นั่นคือ "ออฟฟิศซินโดรม" ที่ยิ่งละเลย ก็ยิ่งทำให้อาการเจ็บปวดส่งผลกระทบต่อการทำงาน การใช้ชีวิต ไปจนถึงขั้นกระทบต่อสภาวะอารมณ์และจิตใจได้ หากคุณเริ่มมีอาการหรือเป็นมาสักพักแล้ว ไม่ต้องกังวลไป ที่รัชตกายา คลินิกกายภาพบำบัด เราพร้อมช่วยคุณกลับมามีชีวิตที่ปราศจากอาการปวด ด้วยการรักษาผ่านการทำกายภาพบำบัดอย่างใส่ใจ และมีเทคนิคเฉพาะที่ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด
สารบัญ
- ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร
- อาการของออฟฟิศซินโดรม
- สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
- วิธีการวินิจฉัยอาการออฟฟิศซินโดรม
- การสัมภาษณ์และตรวจร่างกายละเอียด
- การใช้เทคโนโลยี Moti AI Posture Analysis
- โปรไฟล์แพทย์ รักษาออฟฟิศซินโดรม
- วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรม
- 5 ท่ายืดกล้ามเนื้อ รักษาอาการออฟฟิศซินโดรม: บอกลาปวดเรื้อรัง!
- ประโยชน์ของกายภาพบำบัดในการ รักษาออฟฟิศซินโดรม
- การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันและรักษาออฟฟิศซินโดรม
- ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกกายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรม
- รัชตกายา คลีนิก กายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรมที่เชื่อถือได้
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกายภาพบำบัดสำหรับการ รักษาออฟฟิศซินโดรม
- สรุป
ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร
ออฟฟิศซินโดรม คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่ขยับตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ เกิดความตึงเครียด และนำไปสู่อาการปวดเมื่อยในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณร่างกายส่วนบน เช่น คอ บ่า และไหล่
อาการของออฟฟิศซินโดรม
อาการของออฟฟิศซินโดรมที่ทุกคนสามารถสังเกตด้วยตัวเองได้ เช่น
- มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ รวมถึงหลังและเอว
- รู้สึกชาหรืออ่อนแรงที่มือและแขน
- กล้ามเนื้อมีอาการตึงตัวหรือข้อต่อติด ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก เช่น ไหล่ติดยกแขนไม่สุด
- อาการอื่น ๆ เช่น ปวดหรือเวียนศีรษะ ไมเกรน บ้านหมุน ก็อาจเกิดจากออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการทำงานโดยตรง คือ การการนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยไม่เปลี่ยนท่าทาง ซึ่งอาจร่วมกับการจัดท่านั่งที่ไม่เหมาะสมด้วย เช่น นั่งทำงานหลังค่อม หรือตัวหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่ในระดับสายตา และหากใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือมากเกินไป ก็มีส่วนทำให้กล้ามเนื้อคอและหลังอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน
นอกจากนี้การขาดการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อบางจุด หรือการขาดการยืดเหยียดในจุดที่จำเป็นก็นับเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง รวมถึงความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกปัจจัยเสริมที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ กล้ามเนื้อมีการตึงสะสมด้วย

วิธีการวินิจฉัยอาการออฟฟิศซินโดรม
วิธีการวินิจฉัยอาการออฟฟิศซินโดรมที่รัชตกายา คลินิกกายภาพบำบัด เราให้ความสำคัญกับการตรวจประเมินละเอียดเพื่อสาเหตุที่แท้จริงของอาการ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การสัมภาษณ์และตรวจร่างกายละเอียด
เริ่มจากการสัมภาษณ์และตรวจร่างกายละเอียด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของรัชตกายาจะสอบถามอาการและพฤติกรรมการทำงานของผู้เข้ามารับคำปรึกษาอย่างละเอียดและลึก ด้วยรูปแบบการถามคำถามและการรับฟังเฉพาะของเรา จากนั้นจะมีการตรวจสอบท่าทาง กำลังกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่าง ๆ เพื่อประเมินอาการอย่างละเอียดต่อไป
การใช้เทคโนโลยี Moti AI Posture Analysis
ต่อด้วยการใช้เทคโนโลยี Moti AI Posture Analysis ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยวิเคราะห์ท่าทางและสมดุลของร่างกายอย่างละเอียด ช่วยระบุปัญหาที่ซ่อนอยู่และไม่อาจมองเห็นด้วยตา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนรักษาให้ดียิ่งขึ้น
โปรไฟล์แพทย์ รักษาออฟฟิศซินโดรม
โปรไฟล์แพทย์ รักษาออฟฟิศซินโดรมบอกได้เลยว่าทีมงานของเราประกอบด้วยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการรักษาออฟฟิศซินโดรมมาก่อนแล้ว โดยมีคุณลักษณะเด่น ได้แก่
- เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตรวจประเมินและรักษาปัญหากล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ได้รับการฝึกอบรมพิเศษในการใช้เทคนิคทำหัตถการและเครื่องมือที่ทันสมัย
- พร้อมด้วยความใส่ใจและความเอาใจใส่ระดับสูง เพื่อเข้าใจพฤติกรรมสาเหตุของอาการ ให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจในการฟื้นฟูร่างกาย กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น
วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรม
วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
กายภาพบำบัดเฉพาะบุคคล
การทำกายภาพบำบัดเฉพาะบุคคลจะเน้นการปรับสมดุลกล้ามเนื้อและข้อต่อ โดยก่อนทำจะมีการออกแบบแผนการรักษาที่ตรงกับสภาพร่างกายเฉพาะบุคคล
การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด
การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด ได้แก่ คลื่นอัลตราซาวด์ ลดการอักเสบและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ลดอาการปวด และคลื่นช็อกเวฟ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ เร่งการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
การทำหัตถการเฉพาะทาง
การทำหัตถการเฉพาะทาง เช่น การกด ดัด ดึง และขยับข้อต่อ โดยมีเทคนิคการทำหัตถการตามไลน์กล้ามเนื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของรัชตกายา ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพขึ้น
5 ท่ายืดกล้ามเนื้อ รักษาอาการออฟฟิศซินโดรม: บอกลาปวดเรื้อรัง!
ชาวออฟฟิศที่ต้องทนนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจกำลังเผชิญกับอาการปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ และหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณของ "ออฟฟิศซินโดรม" ภาวะยอดฮิตที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตและการทำงาน เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการปวดเรื้อรังเหล่านี้ รัชตกายา (Rachata Gaya) คลินิกกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาที่ต้นตอของอาการปวด ขอแนะนำ 5 ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรมที่ทำได้ง่าย ๆ แม้ในขณะทำงาน เพื่อคืนความยืดหยุ่นให้ร่างกายและบอกลาความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรมาน

1. ท่ายืดกล้ามเนื้อคอ (Neck Stretch)
ท่ายืดกล้ามเนื้อคอ ให้นั่งหลังตรง ค่อย ๆ เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึงศีรษะเบา ๆ จนรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อคอด้านซ้าย เวลา 15-30 วินาที จากนั้นสลับทำอีกข้างนึง ท่านี้จะช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อบ่าและคอที่เกิดจากการก้มหน้ามองจอเป็นเวลานาน

2. ท่ายืดกล้ามเนื้อหัวไหล่และสะบัก (Shoulder and Scapula Stretch)
ท่ายืดกล้ามเนื้อหัวไหล่และสะบัก ประสานมือทั้งสองข้างแล้วยืดแขนไปข้างหน้าให้สุดในระดับอก ก้มศีรษะลงเล็กน้อย โก่งหลังส่วนบนจนรู้สึกตึงบริเวณสะบักและหัวไหล่ ค้างไว้ 15-30 วินาที ท่ายืดกล้ามเนื้อหัวไหล่และสะบัก จะช่วยลดอาการปวดสะบักและหัวไหล่ที่เกิดจากท่าทางการพิมพ์งานหรือการใช้เมาส์ที่ไม่ถูกต้อง
3. ท่าบิดลำตัว (Torso Twist)
ท่าบิดลำตัว เพียงนั่งบนเก้าอี้โดยให้หลังตรง วางเท้าทั้งสองข้างราบกับพื้น จากนั้นค่อย ๆ บิดลำตัวไปทางด้านขวา ใช้มือซ้ายจับที่พนักพิงเก้าอี้เพื่อช่วยในการบิดตัว ค้างไว้ตั้งแต่ 15-30 วินาที หลังจากนั้นทำอีกข้างในท่าเดียวกัน จะเป็นการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อหลังและลำตัว ลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้ดี

4. ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและข้อมือ (Forearm and Wrist Stretch)
ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและข้อมือ ยื่นแขนขวาไปข้างหน้าในลักษณะคว่ำฝ่ามือลง จากนั้นใช้มือซ้ายค่อย ๆ ดึงปลายนิ้วมือขวาเข้าหาลำตัวจนรู้สึกตึงที่ท้องแขน 15-30 วินาที แล้วสลับทำอีกข้างในลักษณะหงายฝ่ามือขึ้น จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดข้อมือและนิ้วล็อก ซึ่งมักเกิดจากการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์อย่างต่อเนื่อง
5. ท่ายืดกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาด้านหลัง (Seated Hip and Hamstring Stretch)
ท่ายืดกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาด้านหลัง นั่งที่ขอบเก้าอี้ เหยียดขาขวาตรงไปข้างหน้าโดยให้ส้นเท้าติดพื้น กระดกปลายเท้าขึ้น ค่อยๆ ก้มตัวลงโดยพยายามให้หลังตรง จนรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อใต้ต้นขาและสะโพก ค้างไว้ประมาณ 15-30 วินาที แล้วสลับไปทำอีกข้าง คลายกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาที่ตึงเครียดจากการนั่งนานๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลังร้าวลงขา
การยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำระหว่างวัน ควบคู่ไปกับการปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น การปรับระดับความสูงของเก้าอี้และหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะช่วยป้องกันและรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากอาการปวดยังคงรุนแรงและเรื้อรัง ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ ที่นี่เราเชื่อมั่นในการรักษาที่ต้นเหตุเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายและให้คุณกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยปราศจากความเจ็บปวด
ประโยชน์ของกายภาพบำบัดในการ รักษาออฟฟิศซินโดรม
ประโยชน์ของกายภาพบำบัดในการ รักษาออฟฟิศซินโดรมมีมากมาย ได้แก่
- ลดอาการปวดและความตึงของกล้ามเนื้อ
- พัฒนาระยะการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่น
- สร้างกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง
- ปรับปรุงท่าทาง ในการนั่งและยืน
- ปรับปรุงท่าทาง ในการนั่งและยืน
การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันและรักษาออฟฟิศซินโดรม
การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันและรักษาออฟฟิศซินโดรมเริ่มได้จากการปรับท่านั่งให้เหมาะสม เช่น นั่งหลังตรงและปรับจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่น ๆ เช่น จากเดิมที่นั่งทำงานตลอดทั้งวัน มาเป็นตั้งเวลาพักเบรกระหว่างงานทุก ๆ 30-60 นาที เพื่อยืดเส้นยืดสาย ร่วมด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นการยืดกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรง
นอกจากนี้เรายังต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ ให้มีแสงสว่างและอากาศที่ดี และมีอุปกรณ์ช่วยสนับสนุนร่างกายถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ และที่สำคัญต้องลดลดความเครียด ด้วยการผ่อนคลาย ยืดเหยียดและพักผ่อนเพียงพอด้วย

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกกายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรม
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิกกายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรมได้แก่
- ความเชี่ยวชาญของนักกายภาพบำบัด
- เทคโนโลยีและอุปกรณ์
- การดูแลเฉพาะบุคคล
- บรรยากาศและความสะดวกสบายของคลินิก
- ความสะดวกในการเดินทางและที่จอดรถ
รัชตกายา คลีนิก กายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรมที่เชื่อถือได้
รัชตกายา คลีนิก กายภาพบำบัด รักษาออฟฟิศซินโดรมที่เชื่อถือได้ เราพร้อมและมุ่งมั่นที่จะเป็นจะเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูสุขภาพของทุกคน ด้วยทีมงานคุณภาพ มากประสบการณ์ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยใจ ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา และเทคโนโลยีทันสมัย เช่น เครื่อง 3D Posture Analysis มาตรฐานสากล มั่นใจได้เลยว่ารักษาที่นี่จะรู้สึกสบายราวกับได้ใช้ชีวิตในร่างใหม่ ไร้อาการออฟฟิศซินโดรมแน่นอน
รัชตกายาเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 9:00 - 20:00 น. ในบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง ให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังมีสาขาให้บริการถึง 6 สาขา ได้แก่สาขาบางนา บางแค ดอนเมือง วัชรพล ชิดลม ปิ่นเกล้า ทุกสาขามีที่จอดรถ ใครสะดวกรับบริการสาขาไหนก็สามารถขับรถเข้าไปปรึกษาได้เลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกายภาพบำบัดสำหรับการ รักษาออฟฟิศซินโดรม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกายภาพบำบัดสำหรับการ รักษาออฟฟิศซินโดรม ดูได้ดังต่อไปนี้

สรุป
ออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนที่เผชิญกับโรคนี้ได้ แต่ด้วยการรักษาที่เหมาะสมและการปรับพฤติกรรม ก็จะช่วยให้ทุกคนสามารถกลับมามีชีวิตที่ปราศจากอาการปวดได้เช่นกัน ที่ รัชตกายา คลินิกกายภาพบำบัด เราพร้อมที่จะเดินเคียงข้างคุณในทุกขั้นตอน
ติดต่อจองคิวนัดหมายคลินิกกายภาพบำบัดได้ที่
Website : https://www.rachatagaya.com
Line@ : Rachatagaya Clinic
Tel : 092-862-6988